ในยุคที่ Generative AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำงาน Agentic Workflow เป็นแนวคิดใหม่ที่ Andrew Ng นำเสนอในการประชุม Sequoia Capital AI Ascent 2024 แนวคิดนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน กำลังเป็นแนวคิดที่น่าจับตามองในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในองค์กร แต่ Agentic Workflow คืออะไร และมันจะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเราอย่างไร?
Agentic Workflow คืออะไร?
Agentic Workflow เป็นวิธีการทำงานแบบใหม่ที่ใช้ประโยชน์จาก Large Language Models (LLMs) เช่น GPT-4, Gemini, Llama3 โดยเน้นการแบ่งงานที่ซับซ้อนออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ คล้ายกับการทำงานของทีมที่มีสมาชิกหลายคน แต่ละคนรับผิดชอบงานส่วนต่าง ๆ ที่ตนเองเชี่ยวชาญ และทำงานร่วมกันเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง
ตัวอย่างการทำงานของ Agentic Workflow:
สมมติว่าเราต้องการสร้างเว็บไซต์สำหรับร้านอาหารของเรา เราสามารถใช้ Agentic Workflow โดยมี AI หลายตัวทำงานร่วมกัน ดังนี้:
ผู้จัดการโครงการ (Project Manager AI): เราป้อนคำสั่งให้ AI ตัวนี้ว่า "ผมต้องการสร้างเว็บไซต์สำหรับร้านอาหาร" AI ตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการโครงการ โดยรับคำสั่งจากเรา และวางแผน (Planning) ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เช่น ออกแบบเว็บไซต์ เขียนเนื้อหา สร้างรูปภาพ และอื่น ๆ
นักออกแบบเว็บไซต์ (Web Designer AI): ผู้จัดการโครงการจะส่งต่อความต้องการของเราไปยังนักออกแบบเว็บไซต์ AI ตัวนี้จะใช้ความสามารถในการออกแบบและความรู้ด้าน UI/UX เพื่อสร้างต้นแบบเว็บไซต์ที่สวยงามและใช้งานง่าย
นักเขียนคอนเทนต์ (Content Writer AI): ผู้จัดการโครงการจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารของเราไปยังนักเขียนคอนเทนต์ AI ตัวนี้จะใช้ความสามารถในการเขียนและความรู้ด้าน SEO เพื่อสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและดึงดูดลูกค้า
นักสร้างภาพ (Image Generator AI): ผู้จัดการโครงการจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารและสไตล์ที่ต้องการไปยังนักสร้างภาพ AI ตัวนี้จะใช้ความสามารถในการสร้างภาพเพื่อสร้างภาพที่สวยงามและเหมาะสมกับเว็บไซต์
นักพัฒนาเว็บไซต์ (Web Developer AI): เมื่อนักออกแบบและนักเขียนคอนเทนต์สร้างต้นแบบและเนื้อหาเสร็จแล้ว ผู้จัดการโครงการจะส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ไปยังนักพัฒนาเว็บไซต์ AI ตัวนี้จะใช้ความสามารถในการเขียนโค้ดเพื่อสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานได้จริง
รูปแบบการใช้เหตุผลแบบ Agentic (Agentic Reasoning Design Patterns) มีรูปแบบการทำงานดังนี้
Planning (การวางแผน): AI วางแผนและกำหนดขั้นตอนการทำงาน
Tool Use (การใช้เครื่องมือ): AI เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับงานแต่ละขั้นตอน
Multiagent Collaboration (การทำงานร่วมกันของหลายเอเจนต์): AI หลายตัวทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลและผลลัพธ์
Reflection (การสะท้อนกลับ): AI เรียนรู้และปรับปรุงการทำงานของตนเองจาก feedback
ทำไม Agentic Workflow ถึงสำคัญสำหรับองค์กร?
Agentic Workflow มีประโยชน์มากมายสำหรับองค์กร ดังต่อไปนี้
เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: ลดเวลาและทรัพยากรที่ใช้ในการทำงานที่ซับซ้อน
ลดความผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำ: ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดได้ง่ายขึ้น
ปรับปรุงคุณภาพของงาน: ปรับปรุงงานได้อย่างต่อเนื่องในแต่ละขั้นตอน
สร้างสรรค์นวัตกรรม: เปิดโอกาสให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ
Agentic Workflow คือ อนาคตของ Generative AI ในองค์กร
Agentic Workflow มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานขององค์กรในหลากหลายด้าน และช่วยให้องค์กรสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและเติบโตได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การนำ Agentic Workflow มาใช้ในองค์กรต้องมีการวางแผนและเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบ เช่น การเลือกเครื่องมือ AI ที่เหมาะสม การฝึกอบรมพนักงาน และการกำหนดแนวทางและมาตรฐานในการใช้งาน AI
สรุป
Agentic Workflow เป็นแนวคิดที่น่าจับตามองในการนำ Generative AI มาใช้ในองค์กร ด้วยความสามารถในการทำงานที่ซับซ้อนและปรับปรุงคุณภาพของงานได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ Agentic Workflow มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานขององค์กรในหลากหลายด้าน และช่วยให้องค์กรสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
เกี่ยวกับ Softnix
เราคือผู้พัฒนา Softnix GenAI Platform สำหรับการใช้ LLMs ในองค์กร โดยมีความสามารถในการสร้าง AI Agent เพื่อใช้งานในองค์กรด้วย LLMs หลายชนิด เช่น Llama3, OpenThaiGPT, SeaLLM รวมจนถึง GPT, Gemini เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยทำให้ผลลัพธ์จากการทำงานที่ดีขึ้น เราให้บริการให้คำปรึกษาและพัฒนา Agentic Workflow ที่เหมาะสมกับงานในองค์กร สนใจสามารถติดต่อทีมขายได้ตลอดเวลา
Comentarios