Agentic AI: เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ผู้บริหาร IT ต้องรู้

Agentic AI คืออะไร?

เปรียบเสมือน "ผู้ช่วยอัจฉริยะ" ที่มีความสามารถเข้าใจคำสั่ง ตัดสินใจเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมในการทำงาน และปรับปรุงเมื่อผิดพลาด คล้ายกับการมีพนักงานที่มีคุณสมบัติดังนี้

• ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

• เรียนรู้และปรับตัวได้อย่างต่อเนื่อง

• ตัดสินใจได้เองภายใต้กรอบที่เรากำหนด

• ทำงานซ้ำๆ ได้โดยไม่เหนื่อยล้า

  
  

AI Agent แบบดั้งเดิม

AI Agent แบบเดิมมีความสามารถจำกัดเฉพาะในด้านการให้ข้อมูลหรือความรู้ เช่น ช่วยแก้ไขข้อมูล แปลภาษา เสนอไอเดีย หรือเขียนโค้ด ซึ่งเปรียบเสมือนการมีผู้ช่วยที่มีสมองอัจฉริยะเท่านั้น แต่ยังขาดความสามารถในการควบคุมหรือดำเนินภารกิจที่ซับซ้อนได้อย่างอัตโนมัติ องค์กรที่ใช้งาน AI Agent แบบเดิมจึงยังต้องพึ่งพาการตัดสินใจและการดำเนินการของมนุษย์ในหลายกระบวนการสำคัญ ส่งผลให้เกิดข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ ความเร็ว และความแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่ต้องการการจัดการข้อมูลจำนวนมาก หรือการตอบสนองต่อสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ.

ข้อเปรียบเทียบกับ Agentic AI

Agentic AI ก้าวข้ามข้อจำกัดเหล่านี้ด้วยการผสานความสามารถในการวิเคราะห์ ตัดสินใจ และปฏิบัติการได้เองอย่างครบวงจร โดย AI ประเภทนี้สามารถ:

• เข้าใจคำสั่งและกำหนดเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

• วางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ

• เข้าถึงข้อมูลและเครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อปฏิบัติภารกิจ

• ปรับตัวตามสภาพแวดล้อมและเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลง

Agentic AI จึงไม่เพียงแต่เป็น "สมอง" แต่ยังสามารถทำหน้าที่เสมือน "มือ" ที่ช่วยให้องค์กรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมรองรับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในยุคดิจิทัล.

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Agentic AI ในองค์กร

แผนกในองค์กร	ตัวอย่างการใช้งาน	ข้อมูลที่จำเป็น	ตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้งานร่วม	ผลลัพธ์ที่ได้
ฝ่ายการตลาด	การสร้างคอนเทนต์อัตโนมัติ	ประวัติการซื้อสินค้าจากระบบ CRM พฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ ข้อมูลประชากรศาสตร์ของลูกค้า	ระบบ CRM: Salesforce, HubSpot เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์: Google Analytics แพลตฟอร์มสร้างคอนเทนต์: Copy.ai, Jasper	โพสต์โซเชียลมีเดียที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย อีเมลการตลาดที่ปรับแต่งตามความสนใจของผู้รับ บทความที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเฉพาะ
	การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า	ข้อมูลการทำธุรกรรม ประวัติการติดต่อกับลูกค้า ข้อมูลจาก Social Listening	ระบบ Business Intelligence: Tableau, Power BI แพลตฟอร์มวิเคราะห์โซเชียล: Brandwatch, Sprinklr ระบบจัดการแคมเปญ: Marketo	การคาดการณ์แนวโน้มตลาด รายงานพฤติกรรมลูกค้าแบบ Real-time แผนการตลาดที่ปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมลูกค้า
ฝ่าย HR	การคัดกรองผู้สมัคร	ประวัติผู้สมัคร (Resume Database) Job Description และคุณสมบัติที่ต้องการ ผลการทดสอบทักษะ	ระบบ ATS: Workday, Greenhouse แพลตฟอร์มทดสอบทักษะ: TestGorilla, Criteria ระบบบริหารจัดการ HR: SAP SuccessFactors	การคัดกรองผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงตามต้องการ การจัดลำดับผู้สมัครตามความเหมาะสม การติดตามสถานะการสมัครแบบอัตโนมัติ
	การจัดการฝึกอบรม	ประวัติการฝึกอบรม ผลการประเมินทักษะพนักงาน เป้าหมายการพัฒนารายบุคคล	ระบบ LMS แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์: Udemy for Business, LinkedIn Learning ระบบประเมินผลพนักงาน	แผนการฝึกอบรมที่เหมาะสมรายบุคคล การติดตามความก้าวหน้าในการเรียนรู้ รายงานผลการพัฒนาทักษะ
ฝ่ายการเงิน	การตรวจจับการทุจริต	ประวัติการทำธุรกรรมทั้งหมด ข้อมูลพฤติกรรมปกติของผู้ใช้ รายการธุรกรรมที่ต้องสงสัยในอดีต	ระบบ ERP: SAP, Oracle ระบบตรวจจับการทุจริต: FICO Falcon, SAS Fraud Management ระบบรายงานธุรกรรม	การตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติแบบ Real-time การแจ้งเตือนความเสี่ยงอัตโนมัติ รายงานวิเคราะห์รูปแบบการทุจริต
	การวิเคราะห์การลงทุน	ข้อมูลตลาดการเงินแบบ Real-time รายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจ ประวัติการลงทุนขององค์กร	ระบบจัดการการลงทุน แพลตฟอร์มวิเคราะห์การเงิน: Bloomberg Terminal ระบบบริหารความเสี่ยง: RiskMetrics	คำแนะนำการลงทุนตามสภาวะตลาด การวิเคราะห์ความเสี่ยงแบบ Real-time รายงานผลตอบแทนการลงทุน

แนวทางการเริ่มต้นสำหรับผู้บริหาร IT

ในยุคที่เทคโนโลยี Agentic AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ผู้บริหาร IT จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมของข้อมูลและระบบให้สามารถรองรับการใช้งานเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ความพร้อมนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างราบรื่นและสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่าต่อการลงทุน

สิ่งที่ผู้บริหาร IT ควรเตรียมตัวมีดังนี้:

1. ตรวจสอบความพร้อมของข้อมูล

• ประเมินคุณภาพของข้อมูลที่มีอยู่ เช่น ความสมบูรณ์ ความถูกต้อง และการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ

• วางแผนการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างระบบให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายและปลอดภัย

• กำหนดมาตรฐานการจัดเก็บและบริหารจัดการข้อมูล เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานของ Agentic AI

2. เตรียมโครงสร้างพื้นฐาน

• ตรวจสอบความพร้อมของระบบ IT ในปัจจุบัน เช่น ความเร็วเครือข่าย และการจัดเก็บข้อมูล

• วางแผนการอัพเกรดฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์หากจำเป็น

• จัดเตรียมระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์

3. พัฒนาการเชื่อมต่อระหว่างระบบ

• สร้างมาตรฐานการเชื่อมต่อ API เพื่อให้ระบบต่าง ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้

• ทดสอบการทำงานร่วมกันของระบบ Agentic AI กับระบบอื่นในองค์กร เช่น CRM หรือ ERP

• วางแผนการบำรุงรักษาและการอัพเกรดระบบในระยะยาว

4. เริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

• เลือกโครงการนำร่องที่มีผลกระทบสูง เพื่อทดสอบความสามารถและประโยชน์ของเทคโนโลยี

• ทดสอบและปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง

• เมื่อประสบความสำเร็จในโครงการนำร่อง ให้ขยายการใช้งานไปยังส่วนอื่น ๆ ขององค์กร

---

บทสรุป

Agentic AI เป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับการทำงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการทำงานร่วมกับระบบและข้อมูลที่มีอยู่ การเริ่มต้นใช้งานต้องมีการวางแผนที่ดี เตรียมความพร้อมของระบบและข้อมูล และเริ่มต้นจากโครงการที่เห็นผลได้ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจและการยอมรับในองค์กร

ความสำเร็จของการนำ Agentic AI มาใช้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเตรียมความพร้อมของทีมงาน การวางแผนที่ดี และการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง การเริ่มต้นอย่างรอบคอบและค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้

แนะนำ Softnix Gen AI

Softnix Gen AI ยังมีความสามารถในการสร้าง Service Agentic AI สำหรับองค์กร Softnix เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของ Agentic AI ที่สร้างประโยชน์ให้องค์กร โดยช่วยให้การเชื่อมต่อระบบขององค์กรเป็นไปได้อย่างง่ายดาย เช่น การเชื่อมต่อกับ Database, Website, File หรือการเชื่อมต่อผ่าน API ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับระบบ Application ต่าง ๆ ในองค์กร เช่น CRM, ERP หรือระบบเฉพาะทางอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การประยุกต์ใช้งาน Softnix Gen AI ในลักษณะนี้ จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและขยายขีดความสามารถในการดำเนินงานขององค์กรอย่างชัดเจน.